หลอดไฟกะพริบดับ ๆ ติด ๆ อาจเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนเคยพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นในห้องนอน ห้องครัว หรือแม้แต่พื้นที่สำนักงาน โดยเฉพาะเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงสร้างความรำคาญใจขณะใช้งาน แต่ยังบ่งชี้ถึงปัญหาในระบบไฟฟ้าที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่ออุปกรณ์และอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะหากปล่อยทิ้งเอาไว้นานเกินไป
ไฟกะพริบ หรือไฟติด ๆ ดับ ๆ เป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้
หลอดไฟราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน มักใช้วัสดุ หรือวงจรภายในที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้แสงไม่เสถียร ซึ่งอาจเกิดอาการกะพริบขณะเปิดใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะกับหลอดไฟ LED ที่ต้องพึ่งพาไดรเวอร์ภายในเพื่อควบคุมการจ่ายไฟ
สวิตช์บางประเภท โดยเฉพาะแบบเรืองแสง อาจมีไฟรั่วในระบบ ทำให้มีไฟไม่เพียงพอที่จะเปิดหลอดไฟให้สว่างเต็มที่ จนเกิดอาการกะพริบเป็นจังหวะได้
หากบ้าน หรือสำนักงานมีอายุการใช้งานมานาน ระบบสายไฟอาจเริ่มเสื่อมสภาพ ขั้วหลวม หรือมีการเชื่อมต่อที่ไม่แน่นหนา ปัญหาเหล่านี้ทำให้กระแสไฟฟ้าถูกจ่ายอย่างไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้หลอดไฟติด ๆ ดับ ๆ หรือกะพริบอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบ้าน หรืออาคารที่ยังใช้ระบบไฟแบบเดิม การเกิดไฟกะพริบอาจเป็นเพราะบัลลาสต์ (Ballast) ซึ่งเป็นตัวควบคุมกระแสไฟของหลอดไฟ กำลังเสื่อมสภาพลง ซึ่งจะส่งผลให้หลอดไฟได้รับกระแสไฟไม่สม่ำเสมอและทำงานติดขัดในที่สุด
ในบางพื้นที่ที่ไฟฟ้ามีแรงดันไม่คงที่ หรือเกิดไฟกระชากบ่อยครั้ง ก็อาจส่งผลให้หลอดไฟเกิดการกะพริบ หรือดับชั่วคราวได้เช่นกัน
แม้หลอดไฟ LED จะมีคุณสมบัติประหยัดพลังงานและใช้งานได้นาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีปัญหาใด โดยเฉพาะอาการไฟกะพริบที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนี้
Driver คืออุปกรณ์ที่ควบคุมแรงดันและกระแสไฟให้คงที่ในหลอด LED ซึ่งหากไดรเวอร์เกิดการเสื่อมสภาพ หรือคุณภาพต่ำ จะทำให้ไฟไม่เสถียร เกิดการกะพริบ หรือสว่างไม่เต็มที่
สวิตช์เรืองแสงมักมีไฟรั่วค้างอยู่เล็กน้อย ในขณะเดียวกัน หลอดไฟ LED ก็เป็นอุปกรณ์ที่มีความไวต่อแรงดันไฟอย่างมาก เมื่อใช้ร่วมกันจึงอาจทำให้หลอดไฟเกิดการกะพริบได้
โคมไฟเก่าหลายรุ่นมักมีบัลลาสต์ติดอยู่ภายใน หากติดตั้งหลอด LED โดยไม่ถอดบัลลาสต์ออก อาจทำให้ระบบจ่ายไฟไม่เหมาะสม ส่งผลต่อการทำงานของหลอดไฟได้
หากขั้วหลอดไฟหลวม หรือมีฝุ่นเกาะสะสม อาจทำให้กระแสไฟจ่ายไม่เต็มที่ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไฟกะพริบตามมา
หลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อหลอดไฟกะพริบควรเปลี่ยนใหม่เลยไหม หรือควรแก้ยังไงดี ? ซึ่งการที่หลอดไฟกะพริบไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนใหม่เสมอไป เพราะอาจเกิดจากปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ โดยสามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ตามขั้นตอนเหล่านี้
หากมีการใช้สวิตช์เรืองแสง และสังเกตเห็นว่ามีไฟรั่ว แม้จะปิดสวิตช์ไปแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลอดไฟ LED กะพริบ วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือ การลองเปลี่ยนมาใช้สวิตช์ไฟแบบธรรมดา ซึ่งสามารถตัดกระแสไฟได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่ยังใช้โคมไฟเก่า โดยเฉพาะโคมฟลูออเรสเซนต์ที่มีบัลลาสต์ติดอยู่ ควรถอดบัลลาสต์ออกจากระบบและต่อสายไฟตรงเพื่อให้หลอดไฟ LED ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากการมีบัลลาสต์ในระบบจะรบกวนการจ่ายไฟของหลอด LED ทำให้เกิดการกะพริบ หรือให้แสงที่ไม่เสถียร
ปิดสวิตช์ไฟและถอดหลอดออก เพื่อตรวจสอบขั้วหลอดว่าหลวมหรือมีฝุ่น รวมถึงมีคราบเขม่าที่อาจขัดขวางการจ่ายกระแสไฟฟ้าหรือไม่ หากพบคราบฝุ่นสกปรก ควรเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง หรือผ้าไมโครไฟเบอร์และตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลอดติดแน่นสนิทกับขั้ว
หากดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นแล้วยังไม่สามารถแก้ไขได้ อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ โดยควรเลือกใช้หลอดไฟ LED คุณภาพสูงจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ โดยเลือกที่มีการรับประกันสินค้าเพื่อความมั่นใจและลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต
ไฟกะพริบเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน หากตรวจสอบแล้วพบว่าสาเหตุเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟและโคมไฟที่ได้มาตรฐาน ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประหยัดพลังงานได้มากขึ้น สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนระบบไฟส่องสว่างภายในบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ฝ้าเพดาน เพื่อให้ได้แสงสว่างที่สม่ำเสมอ ลดปัญหาไฟกะพริบที่เกิดจากอุปกรณ์เก่า แนะนำให้เลือกใช้ ไฟดาวน์ไลท์ LED ติดฝ้า ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งเรียบเนียน ทนทาน ให้แสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือพื้นที่สำนักงาน โดยสามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ Boviga หรือติดต่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Line ID: @boviga หรือโทร. 02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง
How to Fix a Flickering Light Bulb. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.thespruce.com/fix-a-flickering-light-bulb-4123638