Lighting for Manufacturing | โคมไฟสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม


โคมไฮเบย์ LED สำหรับติดตั้งภายในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีหลากหลายรุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน ลักษณะของพื้นที่ และสภาพแวดล้อม การเลือกใช้ โคมไฮเบย์ LED ให้เหมาะสมกับการใช้งานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยยืดอายุการใช้งาน และคงระดับความสว่างของโคมไฟให้ยาวนานขึ้น ประกอบกับการออกแบบแสงสว่างจากผู้เชี่ยวชาญ หรือ professional lighting designer จะช่วยลดค่าใช้จ่าย และได้แสงสว่างที่มีคุณภาพมากขึ้น

ตัวอย่าง ข้อแนะนำสำหรับการเลือกโคมไฟ ไฮเบย์ LED ติดตั้งภายในโรงงานอุตสาหกรรม


อุณหภูมิแวดล้อมบริเวณที่ติดตั้งโคมไฟ

สภาพอากาศร้อนของไทยโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อาจมีอุณหภูมิสูงได้มากกว่า 40 องศา และด้วยตำแหน่งติดตั้งโคมไฮเบย์ LED ที่นิยมติดตั้งใต้หลังคาเมทัลชีท ยิ่งทำให้อุณหภูมิโดยรอบโคมไฟสูงกว่าพื้นที่ทำงานด้านล่าง 5-10 องศา ดังนั้น การเลือกโคมไฟจะไม่สามารถพิจารณาจากขนาดกำลังวัตต์ หรือ ปริมาณแสงสว่างที่ออกจากโคมไฟ (หน่วย: ลูเมน) เพียงอย่างเดียว เราควรพิจารณาจากการออกแบบ และขนาดของโคมไฟร่วมด้วย ว่ามีขนาดแผงระบายความร้อนใหญ่เพียงพอหรือไม่ ซึ่งเราจะเห็นว่าโคมไฟที่มีคุณภาพต่ำ จะแจ้งกำลังวัตต์สูงเพื่อจูงใจลูกค้า แต่เมื่อดูขนาดและนำ้หนักของโคมไฟ พบว่าโคมไฟมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบามาก เมื่อเทียบกับโคมไฟ ไฮเบย์ led คุณภาพสูง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการระบายความร้อนของชิป LED ทำให้ปริมาณแสงสว่างที่ส่องออกมาจากชิป LED ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเปิดใช้งานไม่นาน ทำให้อายุการใข้งานของโคมไฟสั้นลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโคมไฮเบย์ LED ที่นำไปติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตมีการปล่อยความร้อนออกมา หรือ ใช้ความร้อนในการผลิตสินค้า เช่น โรงงานที่มีเตาหลอม โลหะ กระจก หรือ ขวดแก้ว เป็นต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้โคมไฟที่ออกแบบพิเศษสำหรับใช้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าโรงงานทั่วไปที่มักมีอุณหภูมิ ไม่เกิน 45oC


ข้อกำหนดเฉพาะพิเศษสำหรับบางอุตสาหกรรม

บางอุตสาหกรรมอาจมีการกำหนดมาตรฐานพิเศษเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณสมบัติของโคมไฟที่มากกว่าการใช้งานทั่วไป เพื่อให้การใช้งานโคมไฟไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทำงาน หรือ กระบวนการผลิตสินค้า เช่น

อุตหกรรมอาหาร กำหนดให้โคมไฟต้องไม่มีส่วนประกอบที่เป็นกระจกที่มีโอกาสแตกหักตกลงมายังพื้นที่ทำงานได้ล่าง
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีการประเมินจุดเสี่ยงของอันตรายจากสารไวไฟในแต่ละพื้นที่เพื่อกำหนดระดับการป้องกันการระเบิดของโคมไฟ

ดังนั้น การเลือกโคมไฟให้เหมาะสมกับข้อกำหนด หรือ มาตรฐานต่างๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง


อายุการใช้งาน และการออกแบบโคมไฟให้สามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้

จากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ทั้งด้านการใช้เพลังงาน และปริมาณขยะที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าองค์ประกอบส่วนใหญ่ของโคมไฟ LED จะเป็นอลูมินัม ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาหลอมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ก็จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ดังนั้น การเลือกใช้โคมไฟ LED ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และการเลือกใช้โคมไฟที่ออกแบบให้สามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้ นอกจากเราจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งโคม เมื่ออะไหล่บางชิ้นส่วนมีปัญหา หรือ ครบอายุการใช้งาน เรายังช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั้งเรื่องพลังงาน และปริมาณขยะได้อีกด้วย

ซึ่งเราจะแบ่งประเภทของโรงงาน เพื่อให้เหมาะสมกับการเลือกโคมไฟ เป็น 4 ประเภท


1. โรงงานทั่วไป
2.  โรงงานที่มีอุณหภูมิแวดล้อมมากกว่า 45°C
3.  โรงงานในอุตสาหกรรมอาหาร
4.  โรงงานที่มีพื้นที่ที่มีสารไวไฟที่สามารถติดไฟได้

contact