หลายคนอาจคุ้นชินกับการเลือกหลอดไฟจากความสว่างหรือโทนสี ไม่ว่าจะเป็นแสงวอร์มสร้างบรรยากาศอบอุ่น หรือแสงขาวสำหรับพื้นที่ทำงาน แต่รู้หรือไม่ว่าความสว่างอย่างเดียวไม่สามารถบอกคุณภาพของแสงได้ทั้งหมด แต่มีหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกโคมไฟที่มีค่าความสว่างที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่าง ๆ ได้ นั่นคือค่า CRI หรือ Color Rendering Index ซึ่งเราจะมาแนะนำให้รู้จักกัน พร้อมบอกวิธีการเลือกใช้งานในแต่ละสถานที่
CRI (Color Rendering Index) คือดัชนีความถูกต้องของการแสดงสี เป็นตัวชี้วัดความสามารถของแหล่งกำเนิดแสง ว่าสามารถแสดงสีของวัตถุได้ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติมากน้อยเพียงใด โดยค่า CRI มีช่วงตั้งแต่ 0-100 ยิ่งค่าสูงเท่าไร แสงนั้นก็จะยิ่งสามารถแสดงสีของวัตถุได้ใกล้เคียงแสงธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
หากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น คือหลอดไฟที่มีค่า CRI 100 จะแสดงสีของวัตถุได้เหมือนกับตอนที่เรามองเห็นภายใต้แสงอาทิตย์ ขณะที่หลอดไฟที่มีค่า CRI ยิ่งต่ำจะทำให้สีของวัตถุดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงมากขึ้น
การเลือกใช้แสงไฟให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน จำเป็นต้องคำนึงถึงค่า CRI ที่เหมาะสม เพื่อการส่องสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการส่องสว่างบริเวณกว้าง หรือการใช้งานทั่วไปในพื้นที่ภายนอก เช่น สวนหย่อม หรือทางเดิน การเลือกใช้ไฟฟลัดไลต์ที่มีค่า CRI 70+ ก็เพียงพอต่อการใช้งาน หากเป็นสนามกีฬาที่ต้องการความแม่นยำในการมองเห็นสูง ควรเลือกใช้ไฟฟลัดไลต์ที่มีค่า CRI อยู่ที่ 70-90 เพื่อให้ผู้เล่นและผู้ชมสามารถเห็นสีของอุปกรณ์และผู้เล่นได้อย่างชัดเจน
สำหรับไฟถนนเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้สัญจรไปมาสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ บนท้องถนนได้อย่างชัดเจน ควรเลือกใช้ไฟถนนที่มีค่า CRI 70+ ขึ้นไป
ไฟแถบมักถูกนำมาใช้ในการตกแต่งและให้แสงสว่างทั่วไป ดังนั้นหากต้องการให้สีสันของสิ่งของหรือพื้นที่โดยรอบดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ ควรเลือกใช้ไฟแถบที่มีค่า CRI 80+ ขึ้นไป
สำหรับการให้แสงสว่างทั่วไปในห้อง หรือการเน้นผนัง ควรเลือกใช้ไฟรางที่มีค่า CRI 80+ แต่ถ้าหากต้องการเน้นวัตถุ เช่น งานศิลปะ สินค้า หรือเฟอร์นิเจอร์ ควรเลือกใช้ไฟรางที่มีค่า CRI 80+ ขึ้นไป เพื่อให้สีสันของวัตถุนั้นดูโดดเด่นและสมจริง
นอกเหนือจากประเภทของหลอดไฟแล้ว การเลือกค่า CRI ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ก็มีความสำคัญต่อคุณภาพของแสงและประสบการณ์การมองเห็นเช่นกัน โดยมีเคล็ดลับในการเลือก ดังนี้
การเลือกใช้หลอดไฟที่มีค่า CRI ที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ มีผลต่อการมองเห็นของเราในหลากหลายประการ ดังนี้
หากหลอดไฟมีค่า CRI ต่ำ จะทำให้สีของวัตถุที่เรามองเห็นดูไม่เหมือนกับสีจริงภายใต้แสงธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้สึก ทำให้การรับรู้และการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไปได้
แสงที่มีค่า CRI สูงจะช่วยให้เรามองเห็นรายละเอียดของวัตถุได้ชัดเจนและสบายตามากขึ้น ลดความเมื่อยล้าของสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานที่ต้องการความแม่นยำของสีค่อนข้างสูง
ภายในร้านค้า จำเป็นต้องเลือกใช้หลอดไฟที่มีค่า CRI สูง เพื่อช่วยให้ลูกค้าเห็นสีสันที่แท้จริงของสินค้า ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และลดโอกาสการคืนสินค้าเนื่องจากสีไม่ตรงกับที่เห็นอีกด้วย
สำหรับงานเฉพาะทางหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า งานศิลปะ การพิมพ์ หรือแม้แต่การวินิจฉัยทางการแพทย์ ความแม่นยำของสีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การเลือกใช้หลอดไฟที่มีค่า CRI สูงจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน
คงพอจะเห็นภาพกันแล้วว่า ทำไมการเลือกค่า CRI ที่เหมาะสมคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพของแสงในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงสำหรับการพักผ่อน ทำงาน หรือการนำเสนอสินค้า ได้อย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อโคมไฟ Downlight ฝังฝ้าหรือหลอดไฟคุณภาพสูงอื่น ๆ ที่มีค่า CRI ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ Boviga เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยสินค้าคุณภาพ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ LINE ID: @bovigaหรือโทร 02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง