โคมไฟออฟฟิศไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างบรรยากาศให้น่านั่งทำงานอีกด้วย การเลือกโคมไฟออฟฟิศที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ได้โคมไฟที่ลงตัวเหมาะกับดีไซน์ของสำนักงาน ทั้งยังช่วยลดอาการล้าทางสายตา เพิ่มสมาธิ และช่วยให้การทำงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ความสำคัญของแสงสว่างในออฟฟิศ
ระบบแสงสว่างที่ดีในออฟฟิศมีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกคน ดังนี้
ลดความเมื่อยล้าทางสายตา
หากภายในออฟฟิศมีแสงส่องสว่างที่เหมาะสม จะช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อตา เนื่องจากไม่ต้องเพ่งสายตาเป็นเวลานาน ๆ ทำให้รู้สึกสบายและมีสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พนักงานต้องใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
เสริมบรรยากาศการทำงาน
อุณหภูมิสีที่แตกต่างกันของแสง จะมอบอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป โดยแสงเย็นจะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น ในขณะที่แสงอุ่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ การออกแบบแสงสว่างที่เหมาะสมในที่ทำงานจะช่วยสร้างความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเอื้อต่อการทำงานร่วมกันเป็นทีม
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การจัดแสงให้ทั่วถึงและไม่สะท้อนเข้าตา จะช่วยให้พนักงานมีสมาธิในการทำงาน และลดความอ่อนล้าจากการต้องสู้กับแสงเป็นเวลานาน ๆ อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากตาพร่าเพราะแสงสว่างได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การจัดแสงส่องสว่างอย่างเหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน ลดข้อผิดพลาด และช่วยให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น
เสริมภาพลักษณ์องค์กร
แสงที่สวยงามและถูกจัดวางอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของบริษัท จึงช่วยเสริมภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กร ทั้งยังสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่มาเยือน
ประเภทของโคมไฟออฟฟิศยอดนิยม
สำหรับโคมไฟออฟฟิศมีให้เลือกใช้งานหลากหลายประเภท ตามสไตล์การออกแบบของแต่ละออฟฟิศ โดยที่นิยมมีดังนี้
โคมไฟฝังฝ้า (Recessed Panel Light) นิยมในสำนักงานแบบเปิด ช่วยให้แสงกระจายสม่ำเสมอ ดูเรียบร้อย
โคมไฟแขวนเพดาน (Pendant Light) ช่วยให้แสงสว่างเฉพาะจุด เหมาะกับโต๊ะประชุม หรือพื้นที่ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะ
โคมไฟแทรคไลท์ LED (LED Track Light) มีความยืดหยุ่นในการจัดทิศทางของแสง เหมาะกับออฟฟิศที่ต้องการเน้นโซนเฉพาะ เช่น พื้นที่โชว์ผลงานหรือมุมสร้างสรรค์
โคมไฟตั้งโต๊ะ (Desk Lamp) สำหรับใช้ส่องสว่างเฉพาะบุคคล เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้สายตามาก
โคมไฟติดผนัง (Wall Light) เหมาะกับใช้เสริมบรรยากาศ หรือให้แสงสว่างเฉพาะจุด อย่างเช่นในห้องประชุมหรือพื้นที่รับรองลูกค้า
วิธีการเลือกโคมไฟออฟฟิศให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ในส่วนของปัจจัยที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลือกโคมไฟออฟฟิศ มีดังนี้
อุณหภูมิสีที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญประการแรกคืออุณหภูมิสีของแสงไฟที่เลือกใช้ โดยควรเลือกแสงที่มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000K-6,500K ซึ่งแต่ละแบบจะให้แสงในลักษณะดังนี้
อุณหภูมิแสง 4,000K เป็นแสงขาวกลาง ๆ ไม่เย็นหรือเหลืองเกินไป ช่วยให้ทำงานได้อย่างสบายตา
อุณหภูมิแสง 5,000K เป็นแสงขาวนวล ความรู้สึกเป็นกลางและมืออาชีพ ลดความเมื่อยล้าของดวงตา
อุณหภูมิแสง 6,500K เป็นแสงขาวเย็นอมฟ้า ช่วยกระตุ้นการตื่นตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ให้แสงสว่างอย่างเพียงพอ
ปัจจัยต่อมาที่ต้องพิจารณา คือค่าความสว่างหรือลูเมน (Lumen) ควรอยู่ที่ประมาณ 400-600 ลูเมนต่อตารางเมตร ทั้งนี้ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของลักษณะงาน
ลดแสงสะท้อน
หากไม่ต้องการให้เกิดแสงสะท้อนจากโคมไฟ ควรใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง เพราะด้วยความเชี่ยวชาญจากช่าง จะสามารถให้คำแนะนำในการเลือกวางตำแหน่งไฟได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่ลดแสงสะท้อน
ประหยัดพลังงาน
นอกจากด้านประสิทธิภาพและความสวยงามแล้ว การประหยัดพลังงานนับเป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาเช่นกัน โดยควรเลือกใช้หลอด LED ซึ่งมีอายุการใช้งานนานกว่าและประหยัดไฟมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนซ์
ออกแบบแสงสว่างอย่างลงตัว
สิ่งสำคัญประการสุดท้ายในการเลือกโคมไฟออฟฟิศ คือควรเลือกซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการออกแบบแสงสว่าง ที่สามารถช่วยจัดวางแสงให้ทั่วถึง ป้องกันไม่ให้มีจุดใดมืดหรือสว่างเกินไป รวมถึงจัดสมดุลแสงให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละโซน
เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของการติดตั้งโคมไฟออฟฟิศกันแล้ว ก็ได้เวลามาเลือกซื้อโคมไฟที่ใช่สำหรับนำไปตกแต่งสำนักงาน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกันได้เลย และหากคุณกำลังมองหา
โคมไฟแทรคไลท์ LED สำหรับออฟฟิศ ที่ให้แสงสว่างสบายตา พร้อมกับช่วยเสริมการทำงานให้มีสมาธิ ที่ Boviga มีให้เลือกหลากหลายแบบ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line:
@boviga หรือโทร
02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง