สำหรับโรงงาน อาคารสำนักงาน หรือสถานประกอบการ แสงสว่างถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน ความปลอดภัย รวมถึงภาพลักษณ์ของสถานที่ อย่างไรก็ตาม การใช้แสงอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกหลอดไฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design)ที่เหมาะสมด้วย ที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและความสวยงาม เพื่อให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การใช้งานได้อย่างลงตัว
การออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design) คือการวางแผนและเลือกชนิดของแสงและโคมไฟอย่างเป็นระบบ รวมถึงการกำหนดตำแหน่งติดตั้งให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของพื้นที่นั้น ๆ โดยมีองค์ประกอบหลักที่ต้องพิจารณาดังนี้
การออกแบบแสงสว่างไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกันในทุกพื้นที่ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยเฉพาะที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ดังนี้
แต่ละประเภทพื้นที่ต้องการแสงที่แตกต่างกัน เช่น สำนักงานต้องการแสงสว่างสำหรับการทำงานเอกสาร ในโรงงานต้องการแสงที่สม่ำเสมอ คลังสินค้าต้องการแสงที่กระจายได้ทั่วถึง และห้องประชุมต้องการแสงที่ปรับได้ตามการใช้งาน
ความต้องการแสงสว่างจะเปลี่ยนไปตามประเภทงาน เช่น งานตรวจสอบคุณภาพมักต้องการแสงสว่างที่ชัดเจนเพื่อช่วยแสดงสีได้อย่างถูกต้อง งานประกอบชิ้นส่วนต้องการแสงที่เน้นจุดทำงาน งานเอกสารในสำนักงานต้องการแสงที่ไม่สร้างเงาบนโต๊ะ และงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เครื่องจักรต้องการแสงที่สม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย
วัสดุและสีของพื้นผิวมีผลต่อการสะท้อนแสงและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยผนังสีขาวหรือสีอ่อนในโรงงานจะช่วยสะท้อนแสงได้ดี ลดจำนวนโคมไฟที่ต้องใช้ ในขณะที่พื้นผิวโลหะหรือวัสดุเงาอาจสร้างแสงสะท้อนที่รบกวนการทำงาน
การออกแบบให้แสงธรรมชาติทำงานร่วมกับแสงจากโคมไฟในสถานที่ทำงาน จะช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างมาก แต่ต้องคำนึงถึงการติดตั้งระบบเซนเซอร์แสงเพื่อปรับความสว่างได้อัตโนมัติ และการควบคุมแสงแดดที่อาจก่อให้เกิดความร้อนเกินไปภายในอาคาร
สถานประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางแสงสว่าง เช่น ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง หรือ IES Lighting Standards สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ รวมถึงข้อกำหนดเรื่องทางหนีไฟและแสงฉุกเฉินตามกฎหมายอาคาร
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการออกแบบแสงสว่างในภาคอุตสาหกรรม เราขอแนะนำขั้นตอนการออกแบบหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
เริ่มต้นด้วยการเก็บข้อมูลลักษณะการทำงานของผู้ใช้พื้นที่ ระยะการมองเห็นขณะปฏิบัติงาน และมุมการมองขึ้นไปด้านบน พร้อมพิจารณาช่วงเวลาการใช้งาน จำนวนผู้ใช้ รวมถึงระดับความสว่างมาตรฐาน (ค่าลักซ์) เพื่อให้ออกแบบแสงสว่างได้ตรงกับการใช้งานจริง
เลือกโคมไฟโดยคำนึงถึงการติดตั้งและลักษณะพื้นที่ใช้งาน พร้อมเลือกใช้อุปกรณ์เสริม เช่น โคมสะท้อนแสงอะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มมุมบังแสงและลดปัญหาแสงจ้า เพื่อให้ได้แสงที่สบายตาและเหมาะสมกับลักษณะงาน
ใช้โปรแกรมจำลองแสง เช่น Dialux ร่วมกับ SketchUp หรือ AutoCAD เพื่อจำลองผลลัพธ์การออกแบบก่อนติดตั้งจริง โดยคำนึงถึงการกระจายแสง (Beam Angle) และตำแหน่งโคมไฟให้สะดวกต่อการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
พิจารณาความสูงและสิ่งกีดขวางในพื้นที่ เพื่อเลือกวิธีติดตั้งที่เหมาะสม รวมถึงวางแผนการเดินสายไฟและสายดินเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้วย
หลังติดตั้งเสร็จสิ้น ตรวจวัดระดับความสว่างเพื่อยืนยันว่าตรงตามค่าที่ออกแบบไว้ พร้อมเผื่อระดับความสว่างบางส่วนเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของโคมไฟ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคุณภาพของแสง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานได้รับแสงที่เหมาะสม สบายตา และปลอดภัยในการทำงาน
การออกแบบแสงสว่างไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่พื้นที่ พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว หากคุณสนใจบริการออกแบบแสงสว่างในโรงงานอาคารสำนักงาน หรือสถานประกอบการ Boviga ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ไปจนถึงการติดตั้งโดยทีมช่างมืออาชีพ ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำแนะนำฟรีจากผู้เชี่ยวชาญด้านแสงสว่างโดยเฉพาะ Line: @bovigaหรือโทร 02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง