ติดต่อฝ่ายขาย Line: @boviga,  Tel. 02-114-3656 Email: sales@boviga.com

มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน : เลือกโคมไฟอย่างไรให้เหมาะ

November 19, 2025 1 min read

มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน : เลือกโคมไฟอย่างไรให้เหมาะ

สรุปสาระสำคัญ

แสงสว่างในห้องเรียนมีผลต่อสมาธิ การเรียนรู้ และสุขภาพสายตาของนักเรียน ห้องเรียนจึงควรมีความสว่างที่เพียงพอและเหมาะสมตามมาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน เช่น 300-500 Lux สำหรับห้องทั่วไป และ 500–750 Lux สำหรับห้องปฏิบัติการ ควบคู่กับอุณหภูมิสีที่ควรอยู่ในระดับ 4000-6500K และมีค่า CRI 80 ขึ้นไป เพราะการจัดแสงที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ นอกจากจะช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ยังจะช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มสมาธิ และเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ในระยะยาว

Table of Content

  • ผลกระทบของแสงต่อสมาธิและการเรียนรู้
      • ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน
      • ส่งเสริมสมาธิและความตั้งใจ
      • ป้องกันปัญหาสายตาและอาการปวดหัว
      • ส่งผลต่ออารมณ์และความกระฉับกระเฉง
      • เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ระยะยาว
      • ช่วยปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับกิจกรรม
  • มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียนที่เหมาะสม
      • ระดับความสว่าง (Lux Level)
      • อุณหภูมิสีของแสง (Color Temperature)
      • ค่า CRI (Color Rendering Index) สำหรับความแม่นยำของสี
  • ปัจจัยที่กำหนดระดับแสงในห้องเรียน
  • เคล็ดลับการจัดแสงสว่างในห้องเรียนให้มีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยโคมไฟคุณภาพจาก Boviga

แสงสว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศและประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน แต่คำถามคือ ห้องเรียนควรมีความสว่างเท่าใดที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ ? หลายคนอาจคิดว่าแค่เปิดไฟให้สว่างก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง แสงที่เหมาะสมจะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ลดอาการล้าทางสายตา และส่งเสริมสมาธิได้ดีขึ้น ขณะที่หากภายในห้องเรียนมีแสงที่น้อยหรือจ้าเกินไป ก็อาจทำให้สายตาเกิดความเมื่อยล้าและลดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ไปได้ 

ผลกระทบของแสงต่อสมาธิและการเรียนรู้

ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน

แสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยให้นักเรียนอ่าน เขียน และจดบันทึกได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องเพ่งสายตามากเกินไป ลดความเหนื่อยล้าของดวงตา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องเรียนต่อเนื่องหลายชั่วโมง

ส่งเสริมสมาธิและความตั้งใจ

เมื่อแสงในห้องเรียนมีระดับที่เหมาะสม สมองจะตื่นตัวและมีสมาธิ แสงที่อ่อนหรือสลัวเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วง ในขณะที่แสงจ้าเกินไปอาจทำให้ปวดตาหรือรู้สึกรำคาญตาได้

ป้องกันปัญหาสายตาและอาการปวดหัว

แสงที่ไม่สม่ำเสมอหรือมีการกะพริบดับ ๆ ติด ๆ เช่น แสงที่ได้จากหลอดไฟคุณภาพต่ำ อาจทำให้เกิดอาการปวดตา ปวดหัว และส่งผลต่อสุขภาพตาในระยะยาว การเลือกใช้โคมไฟที่กระจายแสงได้อย่างนุ่มนวลและไม่แยงตาจึงมีความสำคัญอย่างมาก

ส่งผลต่ออารมณ์และความกระฉับกระเฉง

แสงสว่างมีผลต่ออารมณ์และพลังงานของร่างกาย อีกทั้งแสงที่เหมาะสมยังจะช่วยให้นักเรียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและอารมณ์ดี ขณะที่แสงมืดหรือเหลืองจัดอาจทำให้รู้สึกง่วงและขาดสมาธิ

เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ระยะยาว

ห้องเรียนที่มีระบบแสงที่ดีจะช่วยให้สมองประมวลผลและจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น อีกทั้งยังลดความเมื่อยล้าทางสายตา ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ต่อเนื่องในระยะยาว

ช่วยปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับกิจกรรม

แสงสว่างในห้องเรียนไม่ควรมีระดับคงที่เสมอไป แต่ควรปรับได้ตามกิจกรรม เช่น แสงที่สว่างขึ้นเมื่ออ่านหนังสือ หรือแสงที่นุ่มลงเมื่อทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้บรรยากาศการเรียนรู้สมดุลและเหมาะสมกับทุกช่วงเวลา

มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียนที่เหมาะกับการเรียนรู้

มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน (Lighting Standard) ถูกกำหนดเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยทางสายตาและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้

ระดับความสว่าง (Lux Level)

หน่วยวัดความสว่างคือ “ลักซ์ (Lux)” ซึ่งหมายถึงปริมาณแสงที่ตกบนพื้นผิวต่อหนึ่งตารางเมตร

  • ห้องเรียนทั่วไป (บรรยาย อ่าน เขียน) : ควรมีความสว่างประมาณ 300-500 Lux สำหรับการทำกิจกรรมพื้นฐานในห้องเรียน
  • ห้องปฏิบัติการ ห้องเขียนแบบ ห้องศิลปะ หรือพื้นที่ที่ต้องการงานละเอียด : ควรมีความสว่าง 500-750 Lux เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนและช่วยลดความผิดพลาดขณะออกแบบผลงาน 

อุณหภูมิสีของแสง (Color Temperature)

อุณหภูมิสีวัดเป็นหน่วยเคลวิน (Kelvin, K) และมีผลต่อความรู้สึกตื่นตัว

  • ช่วงแนะนำ : แสงโทนขาวกลางวัน (Daylight White) ที่มีอุณหภูมิสีประมาณ 4000K-6500K เพราะใกล้เคียงแสงธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นสมองและเพิ่มสมาธิ
  • ควรหลีกเลี่ยง : แสงเหลืองจัด ที่มีอุณหภูมิสีต่ำกว่า 3500K เพราะอาจทำให้รู้สึกง่วงและลดความกระฉับกระเฉง

ค่า CRI (Color Rendering Index) สำหรับความแม่นยำของสี

ค่า CRI แสดงถึงความแม่นยำของสีภายใต้แสงไฟ ควรเลือกหลอดไฟที่มีค่า CRI 80 ขึ้นไป เพื่อให้เห็นสีได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในวิชาศิลปะหรือกิจกรรมที่ต้องสังเกตสีให้แม่นยำ 

ห้องเรียนควรมีความสว่างเท่าใด ห้องเรียนใช้หลอดไฟ LED

ปัจจัยที่กำหนดระดับแสงในห้องเรียน

ระดับความสว่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลอดไฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบต่าง ๆ ของห้องเรียนด้วย เช่น

  • ขนาดของห้องเรียน : หากเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ ควรใช้โคมไฟหลายดวง เพื่อกระจายแสงให้ทั่วถึง
  • จำนวนและขนาดของหน้าต่าง : หากมีแสงธรรมชาติเข้ามามาก ควรปรับความสว่างของโคมไฟให้สมดุล เพื่อไม่ให้เกิดแสงสะท้อน แสงจ้า หรือแสงแยงตาจนเป็นอุปสรรคต่อการเรียน 
  • สีผนังและพื้นห้อง : ผนังสีอ่อนจะช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูสว่างขึ้น ในขณะที่สีเข้มจะดูดซับแสง ทำให้ต้องใช้ไฟที่มีกำลังสว่างสูงกว่า
  • ตำแหน่งการติดตั้งไฟ : ควรจัดวางโคมไฟให้แสงกระจายทั่วห้องอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณกระดานดำและโต๊ะเรียน

เคล็ดลับการจัดแสงสว่างในห้องเรียนให้มีประสิทธิภาพ

  • ใช้โคมไฟเพดานแบบยาว (LED Batten Light) เพื่อให้แสงกระจายกว้างและสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับห้องเรียนขนาดกลางถึงใหญ่
  • ติดตั้งโคมไฟให้มีระยะห่างเท่ากัน เพื่อหลีกเลี่ยงจุดมืดหรือจุดแสงจ้าเกินไป
  • ผสมผสานแสงธรรมชาติและแสงไฟฟ้า โดยวางโต๊ะเรียนในมุมที่รับแสงแดดทางอ้อม เพื่อความสบายตา
  • เลือกโคมไฟที่มีฝาครอบกระจายแสง (Diffuser) เพื่อป้องกันแสงแยงตา
  • ดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำความสะอาดฝาครอบไฟและตรวจสอบความสว่างของหลอดไฟอยู่เสมอ

เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยโคมไฟคุณภาพจาก Boviga

อยากให้ห้องเรียนหรือพื้นที่ทำงานมีแสงสว่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพการเรียนรู้มาเลือกใช้โคมไฟเพดานแบบยาว โคมไฟแขวนเพดาน หรือ LED Batten Light จาก Boviga ที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ปรับระดับสายแขวนได้ตามต้องการ พร้อมบริการให้คำปรึกษาในการออกแบบแสงสว่างและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ห้องเรียนหรือพื้นที่ของคุณสว่างเพียงพอและเหมาะสมกับทุกกิจกรรม ติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @boviga หรือโทร. 02-114-3656

ข้อมูลอ้างอิง

  1. New School Lighting: Upgrading classroom illumination. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 จาก https://www.ecmag.com/magazine/articles/article-detail/new-school-lighting-upgrading-classroom-illumination