สรุปสาระสำคัญ
แสงสว่างในห้องเรียนมีผลต่อสมาธิ การเรียนรู้ และสุขภาพสายตาของนักเรียน ห้องเรียนจึงควรมีความสว่างที่เพียงพอและเหมาะสมตามมาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน เช่น 300-500 Lux สำหรับห้องทั่วไป และ 500–750 Lux สำหรับห้องปฏิบัติการ ควบคู่กับอุณหภูมิสีที่ควรอยู่ในระดับ 4000-6500K และมีค่า CRI 80 ขึ้นไป เพราะการจัดแสงที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ นอกจากจะช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ยังจะช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มสมาธิ และเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ในระยะยาว
Table of Content
แสงสว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศและประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน แต่คำถามคือ ห้องเรียนควรมีความสว่างเท่าใดที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ ? หลายคนอาจคิดว่าแค่เปิดไฟให้สว่างก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง แสงที่เหมาะสมจะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ลดอาการล้าทางสายตา และส่งเสริมสมาธิได้ดีขึ้น ขณะที่หากภายในห้องเรียนมีแสงที่น้อยหรือจ้าเกินไป ก็อาจทำให้สายตาเกิดความเมื่อยล้าและลดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ไปได้
แสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยให้นักเรียนอ่าน เขียน และจดบันทึกได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องเพ่งสายตามากเกินไป ลดความเหนื่อยล้าของดวงตา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องเรียนต่อเนื่องหลายชั่วโมง
เมื่อแสงในห้องเรียนมีระดับที่เหมาะสม สมองจะตื่นตัวและมีสมาธิ แสงที่อ่อนหรือสลัวเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วง ในขณะที่แสงจ้าเกินไปอาจทำให้ปวดตาหรือรู้สึกรำคาญตาได้
แสงที่ไม่สม่ำเสมอหรือมีการกะพริบดับ ๆ ติด ๆ เช่น แสงที่ได้จากหลอดไฟคุณภาพต่ำ อาจทำให้เกิดอาการปวดตา ปวดหัว และส่งผลต่อสุขภาพตาในระยะยาว การเลือกใช้โคมไฟที่กระจายแสงได้อย่างนุ่มนวลและไม่แยงตาจึงมีความสำคัญอย่างมาก
แสงสว่างมีผลต่ออารมณ์และพลังงานของร่างกาย อีกทั้งแสงที่เหมาะสมยังจะช่วยให้นักเรียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและอารมณ์ดี ขณะที่แสงมืดหรือเหลืองจัดอาจทำให้รู้สึกง่วงและขาดสมาธิ
ห้องเรียนที่มีระบบแสงที่ดีจะช่วยให้สมองประมวลผลและจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น อีกทั้งยังลดความเมื่อยล้าทางสายตา ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ต่อเนื่องในระยะยาว
แสงสว่างในห้องเรียนไม่ควรมีระดับคงที่เสมอไป แต่ควรปรับได้ตามกิจกรรม เช่น แสงที่สว่างขึ้นเมื่ออ่านหนังสือ หรือแสงที่นุ่มลงเมื่อทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้บรรยากาศการเรียนรู้สมดุลและเหมาะสมกับทุกช่วงเวลา
มาตรฐานแสงสว่างในห้องเรียน (Lighting Standard) ถูกกำหนดเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยทางสายตาและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้
หน่วยวัดความสว่างคือ “ลักซ์ (Lux)” ซึ่งหมายถึงปริมาณแสงที่ตกบนพื้นผิวต่อหนึ่งตารางเมตร
อุณหภูมิสีวัดเป็นหน่วยเคลวิน (Kelvin, K) และมีผลต่อความรู้สึกตื่นตัว
ค่า CRI แสดงถึงความแม่นยำของสีภายใต้แสงไฟ ควรเลือกหลอดไฟที่มีค่า CRI 80 ขึ้นไป เพื่อให้เห็นสีได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในวิชาศิลปะหรือกิจกรรมที่ต้องสังเกตสีให้แม่นยำ

ระดับความสว่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลอดไฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบต่าง ๆ ของห้องเรียนด้วย เช่น
อยากให้ห้องเรียนหรือพื้นที่ทำงานมีแสงสว่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพการเรียนรู้มาเลือกใช้โคมไฟเพดานแบบยาว โคมไฟแขวนเพดาน หรือ LED Batten Light จาก Boviga ที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ปรับระดับสายแขวนได้ตามต้องการ พร้อมบริการให้คำปรึกษาในการออกแบบแสงสว่างและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ห้องเรียนหรือพื้นที่ของคุณสว่างเพียงพอและเหมาะสมกับทุกกิจกรรม ติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @boviga หรือโทร. 02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง