ติดต่อฝ่ายขาย Line: @boviga,  Tel. 02-114-3656 Email: sales@boviga.com

วัตต์ (Watt) คืออะไร ? ลดค่าไฟด้วยการเลือกหลอดไฟที่ถูกต้อง

June 30, 2025 2 min read

หลอด LED จะมีปริมาณวัตต์หลอดไฟที่น้อยกว่าหลอดไส้แบบดั้งเดิม

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลอดไฟเพื่อใช้งานในบ้าน สำนักงาน หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ ปัจจัยสำคัญที่มักได้รับความสนใจ ได้แก่ แสงสว่าง ความทนทาน และดีไซน์ของหลอดไฟ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มักถูกมองข้ามไป แต่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก นั่นก็คือ “ค่าวัตต์” (Watt) ซึ่งส่งผลทั้งในด้านปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าและระดับความสว่างของแสงที่ปล่อยออกมา

ดังนั้น การเข้าใจความหมายและความสำคัญของค่าวัตต์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณเลือกหลอดไฟได้อย่างเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าในระยะยาวได้

 

วัตต์ (Watt) คืออะไร ?

วัตต์ (Watt) คือหน่วยวัดพลังงานไฟฟ้าในระบบสากล ซึ่งแสดงถึงปริมาณพลังงานที่หลอดไฟใช้ต่อวินาที กล่าวคือ หากหลอดไฟมีค่าวัตต์สูง หมายความว่าจะใช้พลังงานมากขึ้นต่อการทำงานในหนึ่งหน่วยเวลา อย่างไรก็ตาม ค่าวัตต์ที่สูงไม่ได้หมายความว่าความสว่างจะมากตามเสมอไป เพราะความสว่างขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหลอดไฟด้วยเช่นกัน

 

ค่าวัตต์เกี่ยวข้องกับการเลือกหลอดไฟอย่างไร ?

ช่วยคำนวณค่าไฟได้แม่นยำ

การทราบค่าวัตต์ของหลอดไฟจะช่วยให้คุณคำนวณค่าไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ โดยใช้สูตรง่าย ๆ คือ

สูตรคำนวณ : (วัตต์ × ชั่วโมงการใช้งาน) ÷ 1,000 = พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ (kWh)

ตัวอย่างเช่น หลอดไฟขนาด 20 วัตต์ เปิดใช้งานวันละ 5 ชั่วโมง สามารถแทนค่าในสูตรเพื่อคำนวณหาค่าไฟได้ดังนี้

(20 × 5) ÷ 1,000 = 0.1 kWhหรือคิดเป็นค่าไฟประมาณ 0.4-0.5 บาทต่อวัน (ในอัตราค่าไฟฟ้า 4-5 บาทต่อหน่วย) 

การคำนวณนี้จะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณได้แม่นยำขึ้น ทั้งยังสามารถนำไปเปรียบเทียบประสิทธิภาพของหลอดไฟแต่ละชนิด และเลือกหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดได้อีกด้วย 

เปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ชัดเจนขึ้น

การรู้ค่าวัตต์ช่วยให้เปรียบเทียบความคุ้มค่าของหลอดไฟแต่ละประเภทได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น หลอดไส้ใช้กำลังไฟ 60 วัตต์ ในขณะที่หลอด LED ใช้เพียง 10 วัตต์ แต่ทั้งสองหลอดให้ความสว่างที่เท่ากัน (ดูจากค่า Lumen) เมื่อเห็นความแตกต่างนี้ คุณจะทราบทันทีว่าควรเลือกหลอด LED เพราะใช้พลังงานน้อยกว่าแต่ให้แสงสว่างเท่าเดิม จึงช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า

เลือกให้เข้ากับโคมไฟได้อย่างเหมาะสม

โคมไฟแต่ละชนิดมีข้อจำกัดเรื่องกำลังไฟสูงสุดที่รองรับได้ หากใช้หลอดไฟที่มีวัตต์เกินขีดจำกัดอาจทำให้โคมไฟร้อนเกินไปจนเกิดความเสียหาย ดังนั้น การที่คุณรู้ค่าวัตต์จะช่วยให้เลือกหลอดไฟที่เข้ากับโคมไฟได้อย่างปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน

วางแผนระบบไฟฟ้าและเลือกอุปกรณ์ป้องกันได้เหมาะสม

สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างออฟฟิศหรือโรงงาน การรู้วัตต์รวมของหลอดไฟทั้งหมดจะช่วยให้การวางแผนระบบไฟฟ้าถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเลือกอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ เช่น เบรกเกอร์ ได้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟจริง

 

การเลือกปริมาณวัตต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

การเลือกหลอดไฟที่มีปริมาณวัตต์เหมาะสม ควรพิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลักดังนี้

ประเภทของพื้นที่ใช้งาน

  • ห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน :ใช้หลอด LED 7-13 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ไม่ต้องการแสงสว่างจ้า โดยแสงนุ่ม ๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสบายตา ห้อ
  • ครัวหรือพื้นที่ทำงาน :ควรใช้หลอด LED 15-25 วัตต์ หรือมากกว่านั้น เพราะจำเป็นต้องมีแสงสว่างเพียงพอสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำอาหาร อ่านหนังสือ หรือการทำงานที่ต้องใช้สายตา
  • โรงงานหรือคลังสินค้า : จำเป็นต้องเลือกหลอดไฟวัตต์สูงและมีค่าลูเมนมาก เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ขนาดใหญ่ และเพื่อรักษาความปลอดภัยในการทำงาน

ประเภทของหลอดไฟ

  • หลอดไส้แบบเก่า : หลอดไส้ 60 วัตต์ จะใช้ไฟมากแต่ให้แสงสว่างเท่ากับหลอด LED เพียง 8-10 วัตต์เท่านั้น หมายความว่าหลอด LED สามารถช่วยประหยัดไฟได้มากถึง 80%
  • หลอดฟลูออเรสเซนซ์ยาว (หลอดนีออน) :หลอดฟลูออเรสเซนซ์ 36 วัตต์ จะให้แสงสว่างเท่ากับหลอด LED T8 ที่ใช้เพียง 14-18 วัตต์ ดังนั้น ข้อดีของการใช้หลอด LED T8 คือ ประหยัดไฟเกือบครึ่งหนึ่ง ทั้งยังให้แสงที่สม่ำเสมอไม่กะพริบ และไม่ต้องใช้สายสตาร์ต

วัตถุประสงค์การใช้งานโคมไฟ

  • แสงสว่างทั่วไป :ใช้หลอดไฟ LED ที่มีวัตต์ปานกลาง ให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับกิจกรรมประจำวัน เช่น การเดิน พูดคุย หรือดูทีวี แสงสำหรับงานละเอียด : สำหรับการอ่านหนังสือ เขียนงาน หรือทำงานฝีมือ ควรเลือกหลอดไฟที่มีวัตต์สูงกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้สายตาเมื่อยล้า
  • แสงตกแต่ง :หากต้องการสร้างบรรยากาศพิเศษ สามารถใช้หลอดไฟที่มีวัตต์ต่ำได้ เพื่อให้แสงนุ่มนวลและสร้างอารมณ์ที่ต้องการ

ข้อจำกัดของโคมไฟ

  • ตรวจสอบขีดจำกัด :โคมไฟแต่ละประเภทจะมีป้ายระบุกำลังไฟสูงสุดที่รองรับได้ ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหลอดไฟเสมอ
  • ความปลอดภัย :การใช้หลอดไฟที่มีวัตต์เกินขีดจำกัด อาจทำให้เกิดความร้อนสะสม ซึ่งอาจส่งผลให้โคมไฟเสียหาย หรือแม้กระทั่งเกิดอันตรายจากไฟไหม้ได้
  • ประสิทธิภาพการใช้งาน :โคมไฟที่ใช้หลอดไฟตามขีดจำกัดที่กำหนดไว้ จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานอีกด้วย

 

หลอดไฟ LED T8 มีกำลังวัตต์หลอดไฟต่ำและช่วยประหยัดพลังงานได้ดี

 

สำหรับผู้ที่มองหาหลอดไฟประหยัดพลังงาน ให้แสงสว่างเหมาะกับการใช้งานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าวัตต์ เลือกซื้อหลอดไฟ LED T8 จาก Boviga ได้เลย เราจำหน่ายหลอดไฟขนาดมาตรฐาน ขั้ว G13 ที่เปลี่ยนทดแทนได้ทันที รองรับการใช้งานในโคมหลากหลายประเภท พร้อมคุณสมบัติเด่นคือ “ใช้วัตต์น้อย ให้แสงมาก” ช่วยลดพลังงานได้สูงสุดถึง 60% และใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 50,000 ชั่วโมง โดยยังให้แสงสว่างคงที่ เหมาะกับทั้งบ้าน ออฟฟิศ ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @boviga หรือโทร 02-114-3656

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. คำนวณค่าไฟฟ้า ด้วยตนเองสามารถทำได้อย่างไร.สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 จาก https://erdi.cmu.ac.th/?p=564.
  2. Lighting Choices to Save You Money. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 จาก https://www.energy.gov/energysaver/lighting-choices-save-you-money?nrg_redirect=297571.
  3. Energy saving light bulbs and lighting.สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 จาก https://energysavingtrust.org.uk/advice/lighting/.

contact