ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา LED ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้เข้ามาเป็นมาตรฐานของระบบแสงสว่าง ทั้งสำหรับการเปลี่ยนแทนหลอดไฟเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานติดตั้งใหม่ ด้วยเหตุผลหลักที่ LED สามารถประหยัดพลังงานได้มาก และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
ต่อมาระบบแสงสว่างได้เข้าสู่ยุคของ IOT ที่เน้นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับ internet และเก็บข้อมูลเป็น Big Data เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นระบบ Smart LED Lighting ที่เรียกว่า Interact Pro
Interact Pro scalable system คือ อะไร?
ระบบจัดเก็บข้อมูล และควบคุมแสงสว่างโคมไฟ LED และหลอดไฟ LED อัจฉริยะ ระบบสามารถปรับลดระดับความสว่าง หรือ ปิดแสงสว่างที่ไม่ใช้งานโดยอัตโนมัติ สามารถปรับแต่งแสงสว่างได้ตามต้องการด้วยตัวเอง สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานเพื่อวางแผนการซ่อมบำรุง และยังสามารถดูภาพรวมของระบบพร้อมกับค่าพลังงานไฟฟ้าของระบบได้ตลอดเวลาด้วยแอปพลิเคชั่น Interact Pro ที่สามารถใช้งานบนมือถือได้ทั้งระบบ Android และ iOS หรือสามารถควบคุมผ่าน web browser บนคอมพิวเตอร์
ระบบสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้สอดคล้องกับความต้องการ และขนาดของแต่ละธุรกิจ โดยแบ่งระดับการใช้งานเป็น 3 ระดับ
1. Interact Pro Foundation - โคมไฟ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบสามารถเชื่อมต่อกันเป็น Network ผ่านสัญญาณ bluetooth และ ควบคุมการทำงานผ่าน Interact Pro App ในโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณและสายอินเตอร์เน็ต รวมถึงไม่ต้องใช้ Gateway เป็นตัวกลางของระบบ
สามารถทำงานได้ครบทุกฟังก์ชั่นพื้นฐานของ Smart Lighting เช่น ปรับเพิ่มลดความสว่าง, เปิด-ปิด การทำงานอัตโนมัติด้วยการตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือ การตรวจวัดระดับแสงสว่างจากสิ่งแวดล้อม, จัดกลุ่มหรือแบ่งเป็นโซน (Grouping & zoning) เป็นต้น
การทำงานของ Daylight Dependent Regulation (DDR) สำหรับการทำงานในรูปแบบ Daylight harvesting ทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนไหว และตรวจวัดระดับความสว่างในเวลาเดียวกัน
ในกรณีที่หลังคามีช่องแสง (sky light) หรือช่องแสงจากด้านข้างกำแพง โคมไฟที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และวัดระดับความสว่าง (occupancy & daylight sensor) นอกจากโคมไฟจะเปิด-ปิด หรือปรับระดับความสว่างอัตโนมัติ ตามลักษณะการเคลื่อนไหวเมื่อมีหรือไม่มีคนทำงานในพื้นที่ ยังสามารถตรวจวัดปริมาณความสว่างของแสงจากช่องแสงที่ส่องเข้ามาภายในอาคาร
เพื่อการประหยัดพลังงานสูงสุดโดยการใช้แสงสว่างจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ถ้ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ทำงาน และปริมาณแสงสว่างจากธรรมชาติมีระดับสูงกว่าระดับความสว่างที่ต้องการ (Task level) เซ็นเซอร์จะไม่เปิดการทำงานของโคมไฟ เช่น ระดับความสว่างที่ต้องการ 200 lux เมื่อมีรถโฟร์คลิฟท์ขับเข้ามาในพื้นที่ทำงาน โดยในขณะนั้นระดับความสว่างจากธรรมชาติอยู่ที่ 300 lux โคมไฟจะไม่เปิดการทำงาน แม้ว่าเซ็นเซอร์จะตรวจจับการเคลื่อนไหวได้
แต่ถ้าความแสงสว่างจากธรรมชาติมีปริมาณความสว่างต่ำกว่าระดับที่ต้องการ เซ็นเซอร์จะสั่งให้โคมไฟเปิดการทำงานในระดับที่ช่วยชดเชยแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อให้ได้ค่าความสว่างรวมที่ต้องการ เช่น ระดับความสว่างจากแสงธรรมชาติ 100 lux โคมไฟจะเปิดการทำงาน และสว่างขึ้นเพียง 50% เพื่อให้ค่าความสว่างได้ 100 lux เมื่อรวมกับแสงจากธรรมชาติก็จะได้ระดับความสว่างที่ต้องการคือ 200 lux
เมื่อถึงเวลากลางคืนที่ไม่มีแสงสว่างจากธรรมชาติ โคมไฟก็จะสว่าง 100% เพื่อให้ได้ค่าความสว่างที่ระดับ 200 lux
2. Interact Pro Advanced - ติดตั้ง Gateway เพิ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิด การทำงานอัตโนมัติ, ดูรายงานการใช้พลังงาน, ควบคุมการทำงาน และแก้ไขปัญหาของระบบได้จากทุกมุมโลกผ่าน Web App Interact Pro เป็นต้น
3. Interact Pro Enterprise - ควบคุมการทำงานของระบบแสงสว่าง และบริหารจัดการพื้นที่แต่ละองค์กรผ่านศูนย์กลางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดย Software และ Hardward ถูกพัฒนาโดย PHILIPS ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก เป็นระบบที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาความรู้ จึงเป็นระบบที่มีความเสถียรกว่าระบบควบคุมแสงสว่างทั่วไป มีรูปแบบการใช้งานที่เข้าใจง่าย และสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการได้หลากหลาย