ติดต่อฝ่ายขาย Line: @boviga,  Tel. 02-114-3656 Email: sales@boviga.com

เทคนิคการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

April 18, 2023 2 min read

เทคนิคการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

 

กัญชา เป็นศัพท์ที่ใช้ในการเรียกพืชตระกูล Cannabis ที่ถูกควบคุมการใช้มาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีสารเมาที่กระตุ้นระบบประสาท ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม และเสพติดได้ แต่ในทางการแพทย์ กัญชาก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของคนไข้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้นอนหลับสบาย ลดอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ รักษาอาการปวดเมื่อย เบื่ออาหาร ไปจนถึงลดอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็ง ทำให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการรักษาและบรรเทาความเจ็บป่วยมากขึ้น ซึ่งสายพันธุ์กัญชาที่นิยมปลูกกันในปัจจุบันมีหลากหลายชนิด เช่น Cannabis Sativa, Cannabis Indica, Cannabis ruderalis

 

สารสำคัญที่พบในกัญชา

ในกัญชามีสารที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีระดับของสาร THC และ CBD ที่แตกต่างกันออกไป

  • The delta-9 tetrahydrocannabinol หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า สาร THC ซึ่งเป็นสารที่ให้ฤทธิ์มึนเมา หากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้มีอาการเสพติดได้ โดยองค์การอนามัยโลก ก็ยังจัดกัญชาเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1 ซึ่งมีโอกาสเสพติดและนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ แต่ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์
  • Cannabidiol (CBD) เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอาการเมาเคลิ้ม และอาการทางจิตที่เกิดจากสาร THC โดยสาร CBD ยังไม่พบว่าทำให้เกิดอาการติดหรือดื้อยา รวมทั้งองค์การอนามัยโลกไม่ได้จัดให้สาร CBD เป็นสารเสพติด

วิธีเลือกสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจที่จะปลูกกัญชา แต่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกสายพันธุ์ไหนดี แนะนำให้เลือกตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เลือกสายพันธุ์ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น หากต้องการสรรพคุณทางการแพทย์อย่างการบรรเทาอาการปวด ลดอาการชัก ให้เลือกปลูกกัญชาสายพันธุ์ที่มี CBD สูง และ THC ต่ำ เช่น Cannabis indica แต่หากว่าต้องการคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย แนะนำให้เลือกสายพันธุ์ที่มีสาร THC สูง อย่าง Cannabis sativa
  2. เลือกวิธีการปลูก โดยสามารถพิจารณาจากพื้นที่ และความทนทานต่อสภาพอากาศของแต่ละสายพันธุ์ เช่น การปลูกในดิน หรือไร้ดิน
  3. เลือกการปลูกในบ้านหรือกลางแจ้ง
    • ปลูกในบ้าน (Indoor) สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องฤดูกาล และสามารถปลูกในพื้นที่จำกัดได้
    • ปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) มีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ผลผลิตอาจจะไม่สม่ำเสมอ ต้องพิจารณาสถานที่ปลูกประกอบกันด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตในการปลูกกัญชาทางการแพทย์

ในการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ให้ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ควรจะมีการควบคุมสภาพแวดล้อม ดังต่อไปนี้

 

ความเข้มของแสง (Light Intensity)

(μmol/m²/s)

ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)

(ppm)

อุณหภูมิ (Temperature)

(°C)-ช่วงกลางวัน

อุณหภูมิ (Temperature)

(°C)-ช่วงกลางวัน

ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) (%)

ค่าการนำไฟฟ้า (Electrical Conductivity) (%)

ระยะปลูกต้นกล้า (Clone)

100-300

400

22.2-25.6

21.1-25.6

60-80

0.3-0.7

ระยะสร้างใบและลำต้น (Vegetative)

300-600

400-800

23.3-28.9

20-24.4

55-75

1.0-2.0

ระยะออกดอก (Flowering)

600+

800-1400

20-28.9

20-25.6

50-60

1.5-2.6 


วิธีปลูกและดูแลต้นกัญชาในแต่ละช่วงระยะเวลา


แสงสว่าง (Light)

กัญชาเป็นพืชที่ชอบแสงแดด ดังนั้นแสงจึงเป็นตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดในการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นปลูกแบบ Indoor หรือการปลูกในเรือนกระจก ดังนั้นการให้แสงที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของต้นกัญชา โดยในแต่ละช่วงก็มีวิธีดูแลต้นกัญชาโดยการให้แสงที่แตกต่างกันออกไป

  • ระยะปลูกต้นกล้า (Clone) : ระยะนี้กัญชาต้องการแสงมากที่สุด เพื่อให้ต้นกัญชาเจริญเติบโตได้เต็มที่ ควรให้แสงตลอด 18 - 24 ชั่วโมง
  • ระยะสร้างใบและลำต้น (Vegetative) : กัญชาต้องการอากาศและอาหารเพิ่มขึ้น โดยแสงที่ให้ต้องอย่างน้อยวันละ 16 ชั่วโมง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตเต็มขั้นจนกว่าจะถึงระยะการออกดอก
  • ระยะออกดอก (Flowering) : ลดการให้แสงลง เพื่อเพิ่มคุณสมบัติทางยา โดยให้แสงวันละ 12 ชั่วโมง และ งดแสงวันละ 12 ชั่วโมง ในระยะออกดอกนี้ การให้แสงสว่างจะมีความสำคัญมาก

อุณหภูมิ (Temperature)

อุณหภูมิที่แนะนำในการปลูกกัญชาจะอยู่ในช่วง 24-30 °C

ความชื้น (Relative Humidity)

ความชื้นสัมพัทธ์ (RH) ปริมาณความชื้นควรอยู่ใน % ที่เหมาะสม (ดูได้จากตารางด้านบน) ในแต่ละระยะการเติบโต ในอุณหภูมิที่กำหนด เมื่ออุณหภูมิของใบเพิ่มขึ้น พืชจะดึงน้ำจากแหล่งอาหารมากขึ้น

วิธีปลูกกัญชา (Method)

วิธีปลูกกัญชาก็มีความสำคัญต่อการเติบโตของกัญชาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยปัจจุบันนิยมปลูกกัญชาด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • Hydroponic (ไฮโดรโปนิกส์) รากของกัญชาจะอยู่ในน้ำที่มีสารละลายธาตุอาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน รวมถึงได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ทำให้ได้ผลผลิตค่อนข้างสูง
  • Aeroponic (แอโรโปนิกส์) รากของต้นกัญชาจะแขวนลอยในอากาศ มีการพ่นสารละลายธาตุอาหารให้รากอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับการปลูกกัญชาในพื้นที่จำกัด
  • ปลูกในดิน โดยใช้ดินที่ร่วนซุย ระบายน้ำและอากาศได้ดี

แหล่งอาหารของกัญชาที่มักใช้กันในปัจจุบัน

  • Coco coir หรือขุยมะพร้าว มีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ช่วยให้พืชเติบโตอย่างเหมาะสม
  • Peat moss เป็นวัสดุอินทรีย์ที่ช่วยเก็บความชื้น และสารอาหารได้ดีเยี่ยม

น้ำ (Water)

การให้น้ำมากเกินไปเป็นความผิดพลาดอันดับ 1 ของการปลูกกัญชา การให้น้ำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธีการปลูก น้ำที่ให้ควรสูงกว่าอุณหภูมิห้องเล็กน้อยแต่ไม่ควรเกิน 30 °C และค่า PH อยู่ระหว่าง 5.6 - 6.2 จะดีที่สุด

 

ปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกกัญชา

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือสนใจการปลูกกัญชา ควรระมัดระวังเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • โรคและแมลง โดยเฉพาะการปลูกในดินหรือปลูกกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นเพลี้ย ไรแดง ราสนิม ซึ่งต้องใช้สารชีวภาพหรือสารเคมีที่เหมาะสมในการกำจัด
  • การขาดสารอาหาร ทำให้ใบเหลือง ใบไหม้ ผู้ปลูกจึงต้องตรวจวัดค่า pH และค่าการนำไฟฟ้า (EC) อย่างสม่ำเสมอ
  • สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม แสงไม่พอ ความชื้นและอุณหภูมิไม่เหมาะสม ทำให้โตช้าหรือเป็นโรค

 

กฎหมายและข้อควรรู้เกี่ยวกับการปลูกกัญชา

สำหรับประเทศไทยได้จัดให้ กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร แต่ในหลายประเทศ รวมทั้งองค์การอนามัยโลก ก็ยังจัดว่ากัญชาเป็นสารเสพติดอยู่ ดังนั้นการพกพากัญชาไปต่างประเทศต้องศึกษาให้ดีก่อน

อย่างไรก็ตามกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับการปลูกกัญชาในไทยยังไม่ชัดเจน แนะนำให้ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

 

หมายเหตุ ทาง Boviga จัดทำข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น

ท่านที่สนใจปลูกกัญชาแนะนำให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” หรือ “Plookganja” ขององค์การอาหารและยา

 

กฎหมายและข้อควรรู้เกี่ยวกับการปลูกกัญชา

Boviga เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านแสงสว่าง สามารถให้คำแนะนำและปรึกษาเรื่องการใช้โคมไฟปลูกต้นไม้ ทั้งการออกแบบในพื้นที่ร่ม ไม่มีแสงอาทิตย์เข้าถึง หรือการใช้ในช่วงที่แสงแดดไม่เพียงพอต่อความต้องการ ช่วยให้ต้นไม้เติบโตอย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดพื้นที่ในการปลูก ติดต่อเราวันนี้ที่ Line ID: @boviga หรือโทร 02-114-3656


contact