การเลือกหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความสว่างและบรรยากาศในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย สำนักงาน ร้านอาหาร หรือแม้แต่โรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์ตอบโจทย์ในแต่ละพื้นที่ยังจะช่วยให้ได้แสงสว่างที่มีประสิทธิภาพ ถนอมสายตา และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ที่สำคัญสามารถช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาวอีกด้วย
ก่อนจะเลือกว่าหลอดไฟกี่วัตต์ถึงจะให้ความสว่างที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ควรทำความเข้าใจพื้นฐานของประเภทหลอดไฟแต่ละแบบให้ดีเสียก่อน เนื่องจากหลอดไฟแต่ละประเภทมีช่วงวัตต์และประสิทธิภาพการให้แสงที่แตกต่างกันออกไป
หลอดไส้ถือเป็นหลอดไฟประเภทดั้งเดิมที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายในอดีต โดยการทำงานของหลอดไส้อาศัยการเผาไส้โลหะเพื่อให้เกิดแสงวอร์มไวท์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งวัตต์ยิ่งสูง ความสว่างก็จะยิ่งมาก ข้อดีของหลอดไส้คือราคาถูกและให้แสงอบอุ่น แต่ข้อเสียคือกินไฟและมีอายุการใช้งานสั้นเพียงประมาณ 1,000 ชั่วโมง จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เคยได้รับความนิยมสูงในสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ เนื่องจากให้แสงสว่างต่อเนื่องและกินไฟน้อยกว่าหลอดไส้ โดยให้ความสว่างในระดับปานกลางถึงสูง เหมาะกับการติดตั้งบนเพดานร่วมกับโคมยาวแบบราง มีอายุการใช้งานประมาณ 8,000-10,000 ชั่วโมง แต่ข้อควรพิจารณาสำคัญคือหลอดประเภทนี้มีสารปรอทอยู่ภายใน จึงต้องระมัดระวังในการทิ้งและควรรีไซเคิลอย่างถูกวิธี
หลอดไฟ LED คือหลอดไฟที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความประหยัดพลังงานมากที่สุดในปัจจุบัน โดยมีข้อดีคือให้แสงสว่างมากแม้ใช้พลังงานน้อย มีอัตราการเสื่อมแสงต่ำ ไม่ปล่อยความร้อนสูง ทำให้ใช้งานได้ในพื้นที่หลากหลาย มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25,000 - 50,000 ชั่วโมง ทำให้แม้ราคาต่อหลอดจะสูงกว่าหลอดประเภทอื่นเล็กน้อย แต่ให้ความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว
การเลือกหลอดไฟให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างเพียงพอเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อบรรยากาศ ความสบายตา และการประหยัดพลังงานในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันหลอด LED ถือเป็นตัวเลือกที่ให้ประสิทธิภาพคุ้มค่าในระยะยาวมากที่สุด แต่หลายคนยังอาจสงสัยว่า “ต้องเลือกหลอดไฟ LED กี่วัตต์ถึงจะสว่างพอดี ?” คำตอบขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และจุดประสงค์การใช้งานของแต่ละโซน
พื้นที่ขนาดเล็ก อย่างห้องน้ำ ระเบียงบ้าน หรือโซนบันได ต้องการแสงสว่างเพียงพอเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้แสงแรงมากเกินไป เพราะอาจทำให้แสบตา
การใช้หลอดไฟ 5W - 9W แบบ LED ถือว่าเหมาะสม ช่วยให้แสงสว่างครอบคลุมพื้นที่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟและมีอายุการใช้งานยาวนาน
สำหรับห้องขนาดกลางที่มีการใช้งานเป็นประจำ เช่น ห้องนอนหรือห้องทำงาน ควรเลือกหลอดไฟที่ให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับกิจกรรมทั่วไป เช่น อ่านหนังสือ ทำงาน หรือพักผ่อน
โดยทั่วไป หลอดไฟ LED ขนาด 10W - 40W ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในพื้นที่ประมาณ 15 - 20 ตารางเมตร แต่หากต้องการให้บรรยากาศดูอบอุ่น อาจเลือกแสงสีวอร์มไวท์ แต่ถ้าเน้นความคมชัดในการทำงาน ควรเลือกแสงสีขาว หรือเดย์ไลท์
พื้นที่กว้างจำเป็นต้องมีแสงที่กระจายทั่วถึง เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวก ปลอดภัย เหมาะกับการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยหลอดไฟในช่วง 20W - 60W จะเหมาะสำหรับให้แสงสว่างในห้องขนาด 25 - 35 ตารางเมตรขึ้นไป
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการติดตั้งหลอดไฟในหลายจุด เพื่อให้แสงกระจายอย่างทั่วถึง โดยหลีกเลี่ยงการเกิดเงา หรือจุดมืดที่ไม่พึงประสงค์
พื้นที่ภายนอกอาคาร และบริเวณโรงงาน ต้องการแสงที่สว่างมากเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกต่อการทำงานในช่วงเวลากลางคืน หลอดไฟขนาด 50 วัตต์ขึ้นไป โดยเฉพาะประเภท LED Floodlight หรือโคมไฟไฮเบย์ LED สำหรับพื้นที่สูง จะช่วยให้แสงกระจายได้กว้างและครอบคลุมทั่วพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังควรเลือกอุปกรณ์ที่มีค่ากันน้ำกันฝุ่น เช่น มาตรฐาน IP65 หรือสูงกว่า เพื่อให้ทนทานต่อสภาพอากาศภายนอก
การเลือกวัตต์ของหลอดไฟไม่ควรพิจารณาแค่ความสว่างเพียงอย่างเดียว แต่ยังควรคำนึงถึงข้อควรระวัง ดังนี้
ข้อควรระวังในการเลือกวัตต์ของหลอดไฟ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโซลูชันแสงสว่างที่เหมาะในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งไฟส่องสว่างเฉพาะจุดบริเวณผนัง หรือต้องการเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โกดังหรือโรงงานอุตสาหกรรม สามารถเลือกใช้ โคมไฟ LED ติดผนัง เพื่อการจัดแสงเฉพาะพื้นที่ หรือ โคมไฟไฮเบย์ LEDสำหรับพื้นที่สูงที่ต้องการแสงสว่างกระจายได้อย่างทั่วถึง สามารถเลือกซื้อได้ที่ Boviga หรือติดต่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Line ID: @boviga หรือโทร. 02-114-3656
ข้อมูลอ้างอิง