ติดต่อฝ่ายขาย Line: @boviga,  Tel. 02-114-3656 Email: sales@boviga.com

วิธีต่อหลอดไฟ LED และฟลูออเรสเซนต์ ให้ปลอดภัย ใช้งานได้นาน

May 16, 2025 2 min read

 การติดตั้ง ต่อไฟ LED และต่อหลอดฟลูออเรสเซนต์

การติดตั้งและต่อวงจรหลอดไฟอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการส่องสว่างและความปลอดภัยในบ้านหรือสถานที่ทำงาน การเลือกใช้หลอดไฟที่เหมาะสม พร้อมกับมีขั้นตอนการต่อไฟที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ LED หรือต่อหลอดฟลูออเรสเซนต์ก็ตาม จะทำให้ประหยัดพลังงานและเพิ่มอายุการใช้งานของหลอดไฟได้

 

ประเภทของหลอดไฟและการติดตั้ง

ปัจจุบันหลอดไฟที่ใช้กันทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และ หลอดไฟ LED ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

หลอดไฟ LED

คุณสมบัติ

  • ใช้เทคโนโลยีไดโอดเปล่งแสง (LED)
  • ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ถึง 40 - 60%
  • ไม่มีสารปรอท ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • อายุการใช้งานเฉลี่ย 25,000 - 50,000 ชั่วโมง

การติดตั้ง

  • ไม่จำเป็นต้องใช้บัลลาสต์ หรือสตาร์ตเตอร์
  • มีทั้งแบบ Single-End และ Double-End ซึ่งส่งผลต่อวิธีการต่อสายไฟ
  • ควรเลือกหลอดที่รองรับการติดตั้งในโคมเดิม หรือเลือกโคมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ LED โดยเฉพาะ

 

หลอดฟลูออเรสเซนต์

คุณสมบัติ

  • ใช้ร่วมกับบัลลาสต์และสตาร์ตเตอร์ในการเริ่มจุดแสง
  • ราคาต่อหลอดถูกกว่า LED แต่สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่า
  • มีสารปรอทซึ่งเป็นอันตรายหากหลอดแตก
  • อายุการใช้งานสั้นกว่า LED (ประมาณ 8,000 - 15,000 ชั่วโมง)

การติดตั้ง

  • ต้องใช้บัลลาสต์เพื่อควบคุมกระแสไฟ
  • ต้องมีสตาร์ตเตอร์ช่วยในการจุดหลอดไฟตอนเริ่มใช้งาน
  • การติดตั้งจำเป็นต้องตรวจสอบว่าทุกองค์ประกอบตรงตามกำลังไฟของหลอดเพื่อความปลอดภัย

 

การต่อหลอดไฟ

การต่อหลอดไฟแบบต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยให้หลอดไฟทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังป้องกันความเสี่ยงด้านไฟฟ้า เช่น การเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

 

การต่อหลอดไฟแบบต่าง ๆ ทั้งฟลูออเรสเซนต์และ LED

การต่อหลอดฟลูออเรสเซนต์

เพื่อให้การต่อวงจรเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายไปยังวงจรที่จะทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเริ่มตามขั้นตอนดังนี้

1. เชื่อมต่อสายไฟ L เข้ากับบัลลาสต์แกนเหล็ก

เริ่มต้นด้วยการนำสายไฟ L จากแหล่งจ่ายไฟหลัก มาทำการปอกฉนวนบริเวณปลายสายเล็กน้อย จากนั้นนำปลายสายไฟ L ที่ปอกแล้ว ต่อเข้ากับขั้วต่อสายไฟด้านหนึ่งของบัลลาสต์แกนเหล็ก ซึ่งโดยทั่วไป บัลลาสต์จะมีจุดสำหรับเชื่อมต่อสายไฟระบุไว้ชัดเจน อาจเป็นช่องขันสกรู หรือช่องเสียบแบบมีตัวล็อก ควรขันสกรูให้แน่น หรือเสียบสายให้สุด เพื่อให้การนำไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการหลุดหลวม

2. เชื่อมต่อสายไฟออกจากบัลลาสต์แกนเหล็กไปยังขาหลอดด้านบนซ้าย

หลังจากที่ได้เชื่อมต่อสายไฟ L เข้ากับบัลลาสต์แกนเหล็กเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการนำกระแสไฟฟ้าที่ถูกควบคุมจากบัลลาสต์ไปยังหลอดไฟ โดยจะเชื่อมต่อเข้ากับขาหลอดด้านบนทางซ้าย โดยการนำสายไฟเส้นใหม่มาปอกฉนวนบริเวณปลายสายทั้งสองด้านออกเล็กน้อย จากนั้นนำไปเชื่อมต่อกับบัลลาสต์ แล้วนำปลายสายไฟอีกด้านหนึ่ง ไปต่อเข้ากับขาหลอดด้านบนทางซ้ายของขั้วหลอดไฟชุดแรก

3. เชื่อมต่อสายไฟออกจากขาหลอดด้านล่างซ้าย เข้ากับสตาร์ตเตอร์

นำสายไฟอีกเส้นหนึ่ง มาปอกฉนวนบริเวณปลายทั้งสองด้าน โดยปลายด้านหนึ่งของสายไฟเส้นนี้ ให้ต่อเข้ากับขาหลอดด้านล่างซ้าย ของขั้วหลอดไฟชุดเดิม (ด้านเดียวกับที่ต่อจากบัลลาสต์) โดยต่อเข้ากับช่องที่เหลืออยู่ สำหรับปลายสายไฟอีกด้านหนึ่ง ให้นำไปต่อเข้ากับขั้วต่อสายไฟด้านหนึ่งของสตาร์ตเตอร์

4. เชื่อมต่อสายไฟออกจากสตาร์ตเตอร์ เข้ากับขาหลอดด้านล่างขวา

นำสายไฟอีกเส้นหนึ่ง มาปอกฉนวนบริเวณปลายทั้งสองด้าน ต่อปลายด้านหนึ่งเข้ากับขั้วต่อสายไฟอีกด้านหนึ่งของสตาร์ตเตอร์ (ขั้วที่เหลืออยู่) ส่วนปลายสายไฟอีกด้านหนึ่งให้นำไปต่อเข้ากับขาหลอดด้านล่างขวาของขั้วหลอดไฟอีกชุดหนึ่ง (ด้านตรงข้ามกับด้านที่ต่อจากบัลลาสต์)

5. เชื่อมต่อสายไฟ N เข้ากับหลอดด้านบนขวา

นำปลายสายไฟ N ที่ปอกแล้ว ต่อเข้ากับขาหลอดด้านบนขวา ของขั้วหลอดไฟชุดเดียวกับที่ต่อกับสายไฟจากสตาร์ตเตอร์มาต่อเข้ากับช่องที่เหลืออยู่

 

การต่อหลอดฟลูออเรสเซนต์และต่อไฟ LED อย่างปลอดภัย

2. การต่อหลอดไฟ LED

หลอด LED ในปัจจุบันมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งในโคมเดิมได้ แต่จำเป็นต้องตรวจสอบรุ่นให้ดีเสียก่อน เนื่องจากแต่ละแบบจะมีวิธีการต่อสายไฟที่ไม่เหมือนกัน

หลอดแบบ Single-End

ถึงแม้หลอด LED Single-End จะรับกระแสไฟฟ้าเข้าทางด้านใดด้านหนึ่งของหลอด ทำให้สามารถเดินสายไฟจากแหล่งจ่ายไฟ (สาย L และ N) เข้าที่ขั้วต่อซึ่งอยู่ด้านเดียวกันของหลอดไฟได้ แต่ผู้ผลิตบางรายยังคงแนะนำให้มีการปรับปรุงการต่อวงจรที่โคมไฟ ให้เป็นลักษณะที่สามารถต่อสายไฟ L และ N เข้าคนละด้าน เพื่อแยกสายไฟ L และ N ออกจากกันภายในโคมไฟ เพราะจะช่วยลดโอกาสในการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรโดยตรงที่ขั้วหลอด

ซึ่งก่อนทำการติดตั้งหลอด LED แบบ Single-End จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถอดบัลลาสต์และสตาร์ตเตอร์เดิมที่อยู่ในโคมไฟออกให้หมด การละเลยขั้นตอนนี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือแรงดันไฟฟ้าที่ไม่เสถียร ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายและสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้าและตัวหลอด LED ได้

สำหรับหลอด Double-End

หลอด LED ประเภทนี้จะรับกระแสไฟฟ้าจากปลายหลอดทั้งสองด้าน โดยปลายด้านหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นขั้วสำหรับต่อสาย L และปลายอีกด้านที่อยู่ตรงข้ามจะทำหน้าที่เป็นขั้วสำหรับต่อสาย N ในการติดตั้งหลอด LED แบบ Double-End ให้ทำการเดินสาย L เข้าที่ขั้วด้านหนึ่งของหลอด และเดินสาย N เข้าที่ขั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยเป็นการต่อตรงเข้าสู่ขั้วหลอดโดยไม่ต้องผ่านบัลลาสต์

แม้ว่าหลอด LED แบบ Double-End บางรุ่นอาจถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับบัลลาสต์แม่เหล็กแบบเดิมได้ แต่เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ขอแนะนำให้ถอดบัลลาสต์ออก เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนสะสมภายในโคมไฟ หรือปัญหาด้านความปลอดภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

 

ทำความรู้จักกับหลอดไฟ LED T8 ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับแสงสว่างยุคใหม่

หลอดไฟ LED T8 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับการใช้งานในหลากหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED T8 ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานระยะยาวเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานและการอยู่อาศัยให้ดีขึ้น อีกทั้งการเลือกใช้หลอดไฟ LED T8 ที่ได้มาตรฐาน มอก. ยังจะทำให้เรามั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัยของหลอดไฟที่นำไปใช้ ซึ่งปัจจุบันมาตรฐาน มอก. แต่ละประเภทจะให้การรับรองในด้านต่าง ๆ ดังนี้

มาตรฐาน มอก. 1955-2551

มอก. 1955-2551 เป็นมาตรฐานที่กำหนดด้านขีดจำกัดของสัญญาณรบกวนทางวิทยุ (Radio Disturbance Limits) สำหรับอุปกรณ์แสงสว่างและอุปกรณ์ที่คล้ายกัน มาตรฐานนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับการให้แสงสว่างจะไม่ก่อให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รบกวนระบบสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่อยู่โดยรอบ

มาตรฐาน มอก. 2779-2562

มอก. 2779-2562 เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทยฉบับใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของหลอดไฟ LED T8 และ T5 โดยเฉพาะ อีกทั้งมาตรฐานนี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับหลอดไฟ LED ที่ใช้ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์โดยตรง

 

การเลือกใช้หลอดไฟที่ปลอดภัยและศึกษาวิธีต่อหลอดไฟอย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แสงสว่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยลดค่าไฟฟ้าและเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านและสถานที่ทำงาน หากกำลังมองหาหลอดไฟทันสมัยและเหมาะกับทุกสไตล์ของบ้านหรือสำนักงาน ขอแนะนำหลอดไฟ LED T8จาก Boviga ที่ให้แสงสว่างคมชัดและประหยัดพลังงาน หรือหากต้องการโคมไฟสำหรับโรงงานและพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน สามารถเลือกใช้ไฮเบย์ LED ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ LINE ID: @boviga  หรือโทร 02-114-3656

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. การติดตั้งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 จาก https://pui108diy.com/wp/wp-content/uploads/2015/03/08.pdf 

contact