โคมไฟถนนสาธารณะ: เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน

ความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นถนนในชุมชน ทางเดินในสวนสาธารณะ หรือพื้นที่ลานจอดรถ การมีระบบไฟส่องสว่างที่ดีจึงถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนอกจากเรื่องความปลอดภัย ยังทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างสะดวกด้วย  

โคมไฟถนนสาธารณะสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องเลือกให้ดี ?

โคมไฟถนนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีผู้คนสัญจรในเวลากลางคืน โดยการเลือกโคมไฟที่ดีจะมีความสำคัญ ดังนี้

• เพิ่มความปลอดภัยในการสัญจร ช่วยให้สามารถขับขี่เดินทางได้อย่างปลอดภัยในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการสัญจรของผู้คน หรือยานพาหนะอยู่เสมอ
• ลดความเสี่ยงจากอาชญากรรม ความมืดวังเวงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุในการเกิดอาชญากรรม ซึ่งพื้นที่ที่มีการส่องสว่าง สามารถมองเห็นได้ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตราย เช่น การขโมย หรือการก่อเหตุร้ายลงได้
• เสริมความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน เมื่อพื้นที่ได้รับแสงสว่างที่เพียงพอ จะทำให้ผู้คนมีความมั่นใจในการใช้พื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
• บริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกโคมไฟที่ประหยัดพลังงานยังสามารถช่วยลดต้นทุนในการใช้ไฟฟ้า ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
  

วิธีเลือกโคมไฟถนนให้เหมาะสม

การเลือกโคมไฟถนนที่ดีจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ป้องกันอุบัติเหตุ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว การเลือกโคมไฟถนนจึงควรพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้

1. ความสว่างที่เพียงพอ

ความสว่าง หรือ Lumen เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกโคมไฟถนนสาธารณะ เพื่อให้ได้แสงสว่างที่เพียงพอต่อการใช้งานบนถนน โดยโคมไฟที่มีค่าลูเมนสูงจะช่วยให้แสงกระจายไปได้ไกลและมีความสว่างที่เพียงพอ ซึ่งค่าลูเมนของโคมไฟจะบอกถึงปริมาณแสงที่ปล่อยออกมา เช่น หากต้องการติดตั้งโคมไฟบนถนนใหญ่ หรือถนนที่มีการสัญจรหนาแน่น ควรเลือกโคมไฟที่มีค่าลูเมนสูงกว่า 10,000 ลูเมน เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งในระยะใกล้และระยะไกล แต่หากเป็นทางเดิน หรือถนนในชุมชน ก็อาจไม่ต้องเลือกที่มีค่าลูเมนสูงขนาดนั้น

ซึ่งนอกจากค่าลูเมนแล้ว การประเมินความสว่างที่สัมผัสได้จริงบนพื้นผิว ก็จำเป็นต้องพิจารณาค่า Lux ควบคู่กันไปด้วย สำหรับค่า Lux เป็นหน่วยที่ใช้วัดความเข้มของแสง หรือปริมาณแสงที่ตกกระทบบนพื้นที่หนึ่งตารางเมตร แตกต่างจากลูเมนที่เป็นการวัดปริมาณแสงโดยรวมที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟ ซึ่งมีมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะ ที่กำหนดโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เช่น

2. องศาการกระจายแสง

การพิจารณาประสิทธิภาพการส่องสว่างและมุมกระจายแสงของโคมไฟถนนสาธารณะ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับการเดินทางในยามค่ำคืน สำหรับพื้นที่กว้างขวาง หรือถนนยาว การเลือกโคมไฟที่มีองศาการกระจายแสงกว้างเป็นพิเศษ จะช่วยให้แสงสว่างส่องได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง ลดปัญหาการเกิดจุดมืด หรือบริเวณที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่และการสัญจรราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว โคมไฟที่มีองศาการกระจายแสงระหว่าง 90-120 องศา ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

3. ระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำ (IP Rating)

เนื่องจากโคมไฟถนนต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่หลากหลาย ทั้งแดด ฝน และฝุ่นละออง การเลือกโคมไฟที่มีระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำที่ดีเยี่ยมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่ออายุการใช้งานและความปลอดภัยในระยะยาว โดยแนะนำให้ใช้โคมไฟที่ระบุ IP Rating หรือระดับการป้องกัน อย่างน้อย IP65 ขึ้นไป ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันฝุ่นละอองได้อย่างสมบูรณ์และป้องกันน้ำจากการฉีดพ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าโคมไฟจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเผชิญกับสภาพอากาศแบบใด โดยไม่ต้องกังวลว่าความชื้น หรือฝุ่นจะเข้ามาสร้างความเสียหาย

4. วัสดุและความแข็งแรง

ความแข็งแรงของวัสดุเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความทนทานของโคมไฟถนนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการใช้งานในระยะยาว โคมไฟคุณภาพสูงจึงควรผลิตจากวัสดุที่ทนทาน เช่น อะลูมิเนียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นด้วยความแข็งแรง น้ำหนักเบา สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี

5. การใช้พลังงาน

การเลือกโคมไฟที่ประหยัดพลังงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา เนื่องจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานไฟฟ้าในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความคุ้มค่าอย่างยั่งยืน โดยมีตัวเลือกที่น่าสนใจ ได้แก่

• โคมไฟ LED ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไฟประเภทอื่น แต่ยังคงให้ความสว่างที่เพียงพอ เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่สาธารณะและช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
• โคมไฟโซลาร์เซลล์ เป็นการใช้พลังงานจากแสงแดดโดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายระยะยาว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่แหล่งจ่ายไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือไม่ได้เดินสายไฟไปยังบริเวณที่ติดตั้ง
  

6. อายุการใช้งานและการรับประกัน

การเลือกโคมไฟถนนที่มีการรับประกันที่ชัดเจนและครอบคลุม จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความคุ้มค่าและความต่อเนื่องในการใช้งาน โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร ซึ่งควรเลือกที่มีระยะเวลารับประกันอย่างน้อย 1-3 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะได้รับการดูแลและบริการหลังการขายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากเกิดปัญหา หรือข้อบกพร่องในช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อควรระวังในการติดตั้งโคมไฟถนน

ในการติดตั้งโคมไฟถนน จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ โดยมีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้

1. พิจารณาความปลอดภัยในการติดตั้ง

การติดตั้งโคมไฟถนนควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยต้องติดตั้งให้ห่างจาก สายไฟฟ้า หรือจุดที่อาจเกิดความเสี่ยงจากการช็อตไฟฟ้า นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งโคมไฟในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือใกล้แหล่งน้ำที่อาจทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรได้

2. เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับหน้างาน

ควรเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสถานที่ติดตั้ง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น หากติดตั้งโคมไฟในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง หรืออากาศร้อน ควรเลือกโคมไฟที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากความร้อนจนเกิดความเสียหาย

3. การวางตำแหน่งโคมไฟให้ถูกต้อง

การวางตำแหน่งโคมไฟให้ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากถ้าติดตั้งโคมไฟผิดตำแหน่ง อาจทำให้แสงสว่างไม่ครอบคลุมพื้นที่ ทำให้บางส่วนของพื้นที่อาจมืดเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัย ก่อนติดตั้งจึงควรตรวจสอบและวางตำแหน่งให้สามารถกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ยังต้องคำนึงถึงมุมมองแสงและ ความเหมาะสมของระดับการติดตั้งเพื่อให้การส่องสว่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากต้องการลดค่าไฟฟ้าและติดตั้งโคมไฟถนนในพื้นที่ห่างไกลได้โดยไม่ต้องเดินสายไฟ โคมไฟถนนโซลาร์เซลล์ จาก Boviga คือคำตอบที่ใช่ ทั้งยังติดตั้งง่าย ใช้พลังงานสะอาดและคุ้มค่าระยะยาว ติดต่อสอบถามหรือขอใบเสนอราคากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ Line: @boviga หรือโทร 02-114-3656